ผลงานตั้งแต่ปี 1965-2014 ของ อง_คาวาระ

Today Series (1965)

วันที่วาดภาพ (Date Paintings)

หลังจากเขาตัดสินใจตั้งถิ่นฐานที่นิวยอร์ก คาวาระได้สร้าง ผลงาน Today Series ซึ่งเป็นหนึ่งผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดของเขา โดยผลงานนี้จะเกี่ยวข้องกับเรื่องของ วัน เวลาและสถานที่ เป็นโปรเจกต์ต่อเนื่อง โดยเริ่มต้นเมื่อวันที่ 4 มกราคม ค.ศ. 1966 เป็นงานตลอดช่วงชีวิตของเขา ผลงานนี้มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า ‘Date Paintings’ หรือ ‘วันที่วาดภาพ’ [7] รายละเอียดของภาพ เป็นภาพที่ประกอบด้วยวันที่ เดือน และปี โดยวาดด้วยอักษรสีขาวบนพื้นหลังที่ใช้สีเดียว ส่วนมากจะเป็นสีแดง สีฟ้า สีดำหรือสีเทา[8] วันที่ที่ถูกวาดลงบนภาพจะเป็นภาษาและมีรูปแบบไวยากรณ์ตามรูปแบบการใช้ของประเทศที่เขาอาศัยอยู่ในขณะวาดภาพนั้นๆ[9] ชิ้นงานของเขามีหลายขนาด ติดตั้งไว้บนผนังเป็นแถวตามแนวนอน

คาวาระใส่ใจกับผลงานแต่ละชิ้นของเขามาก ตัวอักษรบนภาพถูกวาดขึ้นด้วยมือโดยผ่านการคำนวณและจัดรูปแบบมาอย่างดี [10] ในช่วงแรก ผลงานจะมีความฉูดฉาดมากกว่าผลงานในช่วงสมัยหลังที่ใช้โทนสีเข้มขึ้น เขามักจะทาสีพื้นหลังทับกันจำนวน 4-5 ชั้น และถูพื้นผิวให้เรียบเพื่อเขียนตัวอักษร คาวาระปฏิเสธรูปแบบการเขียนที่เป็นลายมือ เขาเลือกใช้ตัวอักษรที่เป็นฟ้อนท์ ซึ่งเป็นแบบแผนมากกว่า คาวาระมีความตั้งใจในงานแต่ละชิ้นมาก ถ้าหากว่าเขาไม่สามารถวาดภาพวันที่เสร็จภายในวันนั้นๆ ภาพจะถูกทำลายทิ้งทันที คาวาระวาดภาพเป็นจำนวน 63-241 ภาพในแต่ละปี[11] ภาพที่ไม่ได้ถูกนำมาจัดแสดงจะถูกนำไปเก็บไว้ในกล่องกระดาษที่ทำขึ้นสำหรับภาพแต่ละชิ้น ภายในกล่องจะติดภาพข่าวที่คาวาระตัดมาจากหนังสือพิมพ์ของเมืองที่เขาอยู่ขณะนั้นและต้องเป็นฉบับวันที่ตรงกับวันที่บนภาพ[12] ดังนั้นกล่องจึงเป็นส่วนหนึ่งของผลงานเช่นกันแต่มีการนำไปจัดแสดงเพียงบางครั้งเท่านั้น[13] คาวาระได้วาดภาพ “วันที่วาดภาพ” (Date Paintings) ในแต่ละประเทศมากกว่า 112 ประเทศทั่วโลก นับเป็นผลงานที่มีความยาวนานเป็นอย่างมาก

Title

ผลงาน Title

ผลงานที่แสดงออกถึงการต่อต้านสงครามเวียดนาม รูปแบบของผลงานพัฒนามาจากผลงานชื่อ ‘Nothing Something Everything’ ใช้อักษรสีขาวเขียนเวลาและชื่อสถานที่บนพื้นหลังสีแดง โดยหมายเลข 1965 เป็นปีคริสต์ศักราชที่ประเทศสหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดลงที่ประเทศเวียดนามเนื่องจากเหตุการณ์ในสงครามเวียดนาม ขณะนั้นเขาอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา เหตุการณ์นี้อาจทำให้เขานึกถึงเหตุการณ์การทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ลงที่ฮิโรชิมาและนางาซากิในสงครามโลกครั้งที่ 2 คำว่า “Viet-nam” คล้ายกับว่าเป็นการอุทานที่ปราศจากเครื่องหมายอุทาน และการใช้สีพื้นหลังแสดงถึงความรู้สึกของศิลปินที่อาจจะเป็นการเน้นย้ำเหตุการณ์ในอดีตของคาวาระก็เป็นได้ อาจจะเป็นแนวคิดเดียวกันผลงานชื่อ “The Bathroom” ที่เขาทำขึ้นสมัยยังอาศัยอยู่ที่โตเกียว[14]

ผลงาน I got up ของคาวาระ

I got up, I met, I went

I Got up คาวาระเริ่มทำผลงานสามชุดนี้ในช่วงสิบสองเดือนที่เขากลับไปเยือนเม็กซิโกช่วงปี 1968-69 โดยเขาจะส่งโปสการ์ดที่แสตมป์ตรายางจากเมืองที่เขาอาศัยอยู่ในขณะนั้น โดยมีรายละเอียดบนโปสการ์ดเป็นเวลาที่เขาตื่นจากที่นอนในทุกๆวัน เขาทำงานนี้พร้อมกับผลงาน ‘I Met’ และ ‘I Went’ โดย ‘I Met’ คาวาระจะบันทึกรายชื่อของบุคคลที่เขาพบเจอในแต่ละวันลงในกระดาษ และกำกับวันที่ลงในกระดาษเช่นเดียวกัน ส่วน ‘I Went’ คาวาระใช้เส้นสีแดงลากไปตามทางเดินบนแผนที่ท้องถิ่นในเมืองที่เขาอาศัยอยู่ในขณะนั้น ซึ่งจะแตกต่างกันไป คาวาระทำผลงานเหล่านี้ขึ้นทุกวันจนกระทั่งวันที่ 17 กันยายน ค.ศ. 1979[15]


ผู้เข้าชมผลงาน One Million Years จะนั่งข้างกันและเริ่มอ่านปีในหนังสือไปพร้อมๆกันผลงาน One million years โดย อง คาวาระ

One Million Years

ผลงานที่โดดเด่นอีกชิ้นหนึ่งของ อง คาวาระ ถูกจัดแสดงครั้งแรกในประเทศอังกฤษเป็นเวลา 7 วัน 7 คืน ที่แยก Trafalgar ช่วงต้นปี 2014 ผลงานชิ้นนี้ถูกนำไปจัดแสดงทั่วโลก อาทิ ปารีส นิวยอร์กบรัซเซล และกวางจู[16] เป็นการใช้ความเป็น Performance Art เข้ามาร่วมด้วย โดยให้ผู้ชมหรืออาสาสมัครมีส่วนร่วมกับงาน คาวาระนำปีคริสต์ศักราชมาบันทึกลงเป็นหนังสือโดยย้อนกลับจากปัจจุบันไปสู่อดีตเป็นเวลาหนึ่งล้านปี และนับจากปัจจุบันไปสู่อนาคตอีกหนึ่งล้านปี เล่มอดีตมีจำนวน 10 เล่ม เล่มอนาคตมีจำนวน 10 เล่ม การจัดแสดงผลงานชิ้นนี้ได้จัดแจงให้อาสาสมัครหรือผู้ชมที่เป็นผู้ชายและผู้หญิงนั่งข้างกันบนโต๊ะ มีหนังสือ 2 เล่มให้เปิดอ่าน ซึ่งเล่มหนึ่งเป็นเล่มอดีตและอีกเล่มคือเล่มอนาคต โดยที่ทั้งสองจะอ่านไล่ปีคริสต์ศักราชตั้งแต่ปีปัจจุบันไปพร้อมกัน[17]

100 Years Calendar

ผลงานมีความเกี่ยวข้องกับงาน ‘Date Paintings’ คาวาระสร้างปฏิทินที่มีช่วงเวลาจำนวนหนึ่งร้อยปี โดยมีวันเวลาของชีวิตของศิลปินอยู่ในนั้น คาวาระใช้จุดสีเหลืองแสดงวันที่เขาเริ่มมีชีวิตกระทั่งถึงวันที่ผลงานถูกจัดแสดงในนิทรรศการ คาวาระใช้จุดสีอื่นทับบนตัวเลขวันที่เขาวาดงาน ‘Date Paintings’ ซึ่งจุดสีนั้นก็จะมีความแตกต่างกันไปตามพื้นหลังงานที่เขาวาด ผลงานชิ้นนี้เปรียบได้กับชีวประวัติของคาวาระที่ถูกเปิดเผยในงานนิทรรศการ แสดงออกว่าเขาทำอะไรบ้างในแต่ละวัน[18]


Pure Consciousness

นิทรรศการที่เกิดขึ้นพร้อมกับงาน ‘Date Paintings’ นิทรรศการเกิดขึ้นในหลายเมือง เช่น ซิดนีย์ (1998) เซี่ยงไฮ้ (2000) อาไบจัน (2000) อย่างไรก็ตามแทนที่จะจัดแสดงรวมกันผลงานชิ้นอื่นๆที่เกิดขึ้นในพิพิธภัณฑ์หรือห้องแสดงงาน คาวาระ นำงาน ‘Date Paintings’ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 7 มกราคม ค.ศ. 1997 ไปประดับในห้องเรียนของโรงเรียนอนุบาล ผลที่ปรากฏคือเด็กๆที่เรียนอยู่ในห้อง ไม่มีใครสนใจงานของเขา ไม่มีใครเข้าใจความหมายในผลงานของเขาเลยสักคน[19]



I AM STILL ALIVE

ในช่วงปี 1970s คาวาระได้ใช้โทรเลข ส่งข้อความว่า ‘ฉันยังมีชีวิตอยู่’ ให้เหล่าเพื่อนๆ ของเขาทุกวัน โดยสาเหตุที่เขาเลือกใช้คำนี้ เนื่องจากเป็นคำพูดที่ดูจริงจังไม่ได้ใช้ในเหตุการณ์ธรรมดาทั่วไป (จะถูกใช้ก็ต่อเมื่อผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมา) แต่คาวาระกลับนำมาเขียนเป็นข้อความธรรมดาทั่วไปปรกติ การสื่อสารทางโทรเลขในสมัยนั้นเป็นช่องทางการสื่อสารที่รวดเร็วที่สุด เสมือนเป็นการเน้นย้ำถึงความมีชีวิตของตนเอง แต่เมื่อคำพูดนี้ถูกนำใช้เป็นข้อความ ก็กลายเป็นคำที่ดูไร้ชีวิตชีวา ตรงข้ามกับความหมายของคำนั้นๆ[20]

ปัจจุบัน เนื่องจากโทรเลขนั้นถูกยกเลิกใช้ไปแล้ว คาวาระหันมาใช้ทวิตเตอร์เป็นสื่อผลงานชิ้นนี้ของเขาแทน แม้ว่าคาวาระจะเสียชีวิตไปแล้ว ในบัญชีทวิตเตอร์ของเขาก็ยังคงโพสต์คำว่า I AM STILL ALIVE วันละ 1 โพสต์ในทุกๆวัน